น้ำมันหมดอย่าเพิ่งวิตก หลายครั้งที่เราขับรถเพลินจนลืมดูเกจ์น้ำมัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีไฟแจ้งเตือนน้ำมันหมดก็แดงซะแล้ว ทีนี้ก็จะเริ่มมีอาการขับรถกันแบบร้อน ๆ หนาว ๆ พร้อมมองหาปั๊มน้ำมันอยู่ตลอดทาง หากเป็นเส้นทางที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้ว ก็คงใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะอาจพอรู้ได้ว่าปั๊มน้ำมันไหนอยู่ใกล้ที่สุด แต่ถ้าหากโชคไม่ดีขับรถไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ขับรถทางไกลไปในที่ชุมชน หรือเส้นทางชนบท ก็อาจจะยากหน่อยกว่าจะเจอปั๊มน้ำมันสักที่นึง แต่!! อย่าเพิ่งตกใจไปทุกปัญหามีทางออกเสมอ วันนี้ แพนด้า สตาร์ออยล์ เรามีเคล็ดลับดี ๆ และทางออกสำหรับคุณหากต้องเจอกับเหตุการณ์น้ำมันหมดกลางทาง จะต้องทำอย่างไรไปดูกันเลย
เพราะการเหยียบเบรกบ่อย ๆ ส่งผลทำให้ความเร็วของรถยนต์ไม่คงที่ และทุกครั้งที่ต้องเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถยนต์กลับมาอยู่ในความเร็วปกตินั้น ทำให้เกิดการสูบฉีดน้ำมันมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราเร่งของเครื่องยนต์ ซึ่งจะยิ่งทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอีก
ควรขับรถยนต์โดยควบคุมความเร็วให้คงที่ ประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และไม่ควรเร่งเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็น
ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในรถยนต์ทั้งหมด เช่น แอร์ วิทยุ ระบบนำทาง รวมถึงการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือภายในรถยนต์ด้วย
หลายคนพอปิดแอร์เพื่อประหยัดน้ำมันแล้วกลับเปิดหน้าต่างแทน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะจะทำให้รถเกิดแรงต้านจากลมที่เข้ามาภายในรถยนต์ ทำให้ต้องใช้แรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์ที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามยังสามารถเปิดแง้มหน้าต่างเพียงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศเข้ามาได้บ้าง
การเข้าเกียร์ว่างขณะที่รถยนต์จอดสนิทสักระยะนึง สามารถช่วยลดการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 30-40% เลยทีเดียว ฉะนั้นใครที่ชอบเข้าเกียร์ทิ้งไว้ ลองเปลี่ยนมาใช้เกียร์ว่างแทนดูนะครับ
ง่าย ๆ เพียงเข้าอากู๋ (Google) แล้วกดค้นหา “ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน” หรือ เข้าแอพพลิเคชั่นแผนที่ในโทรศัพท์มือถือเพื่อกดค้นหา ปั๊มน้ำมัน เท่านี้ก็ตรงดิ่งไปปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดได้เลย
การมีถังน้ำมันสำรองติดท้ายรถยนต์ไว้ก็ทำให้อุ่นใจในระดับนึง หากต้องเดินทางออกไปนอกเมือง ไกล ๆ หรือไปยังพื้นที่ชนบทที่ไม่ได้มีปั๊มน้ำมันให้บริการมากนัก แนะนำให้เติมน้ำมันใส่ถังน้ำมันสำรองเตรียมไว้ได้เลย หมดห่วงเรื่องน้ำมันหมดกลางทางได้อย่างแน่นอน
หากน้ำมันหมดกลางทางขึ้นมาจริง ๆ อันดับแรกให้ตั้งสติค่อย ๆ ประคองรถยนต์เข้าจอดข้างทางหรือไหล่ทาง แล้วให้เปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์คันอื่นระหว่างรอการช่วยเหลือ ทีนี้เราจะขอความช่วยเหลือจากทางไหนได้บ้างมาดูกันเลย
เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนได้ มีดังนี้
ส่วนใหญ่รถที่ทำประกันชั้น1 หรือ ประกันชั้น 2 เอาไว้ มักจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีน้ำมันหมด โดยจะมีเจ้าหน้าที่ไปบริการเติมให้ถึงที่สูงสุด 5 ลิตร / ครั้ง
MT Max Service น้ำมันหมดโทร 1614 บริการส่งน้ำมันฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ในรัศมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตรจาก สถานีบริการน้ำมัน PT ที่ใกล้ที่สุด สามารถจัดส่งน้ำมันได้ครั้งละ 4 ลิตร โดยคิดค่าบริการจัดส่ง 100 บาท และคิดค่าน้ำมันตามจริง
หากทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้น้ำมันมาแล้ว แต่กลับพบว่า พอเติมน้ำมันไปแล้วรถยนต์กลับสตาร์ทไม่ติดซะอย่างงั้น ทีนี้ต้องทำอย่างไรต่อ เรามาดูวิธีแก้ไขกันครับ
ปัญหานี้อาจเกิดจากลมที่ค้างอยู่ในท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงหรือในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เปิดกระโปรงรถยนต์แล้วดูตรง ปั๊มแรงดันต่ำ หรือปั๊มมือ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ทางด้านขวามือถัดจากหม้อแบตเตอรี่ เราจะเห็นตัวกรองน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าตาคล้าย ๆ กับกระปุกขนาดเท่ากระบอกน้ำมีจุกสีดำ ให้ใช้มือกดที่หัวปั๊มหลาย ๆ ครั้ง จนรู้สึกว่ามีแรงต้านดันขึ้นมาจากด้านใน หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทรถยนต์อีกครั้ง หากเครื่องยนต์ยังไม่ติดให้ลองทำซ้ำต่อเนื่องอีก 2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศที่ยังคงค้างอยู่ในตัวถังน้ำมันเชื้อเพลิง
แต่อย่างไรก็ตามการปล่อยให้รถยนต์น้ำมันหมดถังบ่อย ๆ คงไม่เป็นผลดีต่อเครื่องยนต์แน่ครับ เพราะภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิงมักจะมีตะกอนอยู่เยอะ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการอุดตันได้ เพราะเครื่องยนต์ต้องดึงเอาน้ำมันเชื้อเพลิงบริเวณก้นถังมาใช้ อีกทั้งยังส่งผลให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก มีอาการติด ๆ ดับ ๆ วิ่งแล้วกระตุก หรือ เครื่องยนต์สะดุด ฉะนั้นทางที่ดีเมื่อเห็นเกจ์น้ำมันไฟหน้าปัดรถยนต์แจ้งเตือนปริมาณน้ำมันเหลือ 1 ขีด ก็ควรรีบเติมน้ำมันเพิ่มเข้าไปเพื่อป้องกันปัญหาน้ำมันหมดกลางทาง และยังสามารถยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย