รถยนต์ถือว่าเป็นพาหนะที่จำเป็นอย่างมาก ในยุคปัจจุบัน แต่ด้วยราคาน้ำมันที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้หลาย ๆ คนกำลังมองหาพาหนะ ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากยิ่งขึ้นอย่าง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า รถ EV (Electric vehicle) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่พัฒนามาเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง อีกทั้งยังสามารถติดตั้งจุดชาร์จไฟส่วนตัวเพื่อชาร์จไฟจากที่บ้านได้ตลอดเวลา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าตามจุดต่าง ๆ ได้ เช่น จุดชาร์จไฟของการไฟฟ้านครหลวง (MEA EV) จุดชาร์จไฟของ
ปั้มน้ำมันปตท. (PTT EV Station) และจุดชาร์จไฟของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล (EV Charger) เป็นต้น รถยนต์ไฟฟ้าถือได้ว่าเป็นรถยนต์ทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับคนในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ รถพลังงานไฟฟ้ายังสามารถลดมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนโดยไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเลย เมื่อเทียบกันแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประหยัดมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงพอสมควร โดยคำนวณจากการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่ 1ครั้ง ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 150 - 200 บาท สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 250 - 400 กิโลเมตร ในทางกลับกันหากเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล หรือ น้ำมันเบนซิน หากต้องวิ่งในระยะทางที่เท่า ๆ กัน ค่าใช้จ่ายสำหรับการเติมน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 500 - 800บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงค่อนข้างมากอีกทั้งยังไม่ต้องกังวลกับราคาน้ำมันที่ผันผวนอีกด้วย
รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนแทนการใช้เครื่องยนต์ ส่งผลให้กลไกการทำงานอย่างอื่นลดลงไปด้วย จึงทำให้การบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น และยังสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนซ่อมบำรุงได้อีกด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไม่มีไอเสียหรือควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง
รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อใช้ในการขับเคลื่อน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์สันดาป การทำงานภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงการทำงานของรถพลังงานไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์แบบปกติทั่วไปได้หลายเท่า อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะทางเสียงจากการจราจรได้อีกด้วย
สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นประเด็นหลักเลยก็ว่าได้สำหรับหลาย ๆ บริษัทที่ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพราะสามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ดีกว่า รถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง เพราะหัวใจหลักสำคัญเลยก็คือมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถมีแรงบิดหรือแรงหมุนได้ในทันทีที่ได้รับไฟฟ้า จึงทำให้สามารถออกตัวได้เร็วและมีอัตราเร่งที่ดีกว่า เนื่องจากสามารถรีดแรงบิดได้สูงในทันทีไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ทั่วไปนั่นเอง
ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักในการทำให้เกิดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ต้องการสร้างรถยนต์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงมีการผลักดันให้สร้างรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดขึ้นมา เพราะหนึ่งในตัวการที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศก็คือ ควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง แต่หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วนั้นจะไม่มีแม้แต่ไอเสียออกมาเลย
ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นมา อาจจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าราคาค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ดีในตลาดยานยนต์กำลังเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเอื้อมถึงได้ และหากมีการผลักดันจากภาครัฐด้านการลดภาษีนำเข้า และเพิ่มจุดบริการชาร์จไฟด้วยแล้วนั้น ในอนาคตอันใกล้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
อาจกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ และเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะสามารถตอบโจทย์ได้ในทุกการใช้งานและยังช่วยลดมลพิษไปพร้อม ๆ กันได้อีกด้วย