น้ำมันดีเซล "พรีเมี่ยม" ความคุ้มค่าที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

น้ำมันดีเซล "พรีเมี่ยม" ความคุ้มค่าที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

01 ต.ค. 2564   ผู้เข้าชม 21,147

เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ น้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน ไม่ได้มีเพียงเกรดเดียวให้ผู้บริโภคเลือกใช้อีกต่อไป ด้วยการแข่งขันในเรื่องของคุณภาพน้ำมัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้อย่างอิสระ และมีประสิทธิภาพต่อเครื่องยนต์สูงสุด จึงทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกจัดสรรเป็นเกรดต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกใช้งาน

เช่นเดียวกับน้ำมันดีเซล ในปัจจุบันได้มีตัวเลือกให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ทั้ง น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม และน้ำมันดีเซลทั่วไป ทั้งแบบ น้ำมัน B7 น้ำมัน B10 และน้ำมัน B20 ซึ่งข้อสงสัยที่ตามมาสำหรับการใช้งานคือ แบบพรีเมี่ยม และทั่วไปมีความแตกต่างกันอย่างไร ในบทความนี้ เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และเรื่องของราคาน้ำมันดีเซลที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างระหว่าง น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยม และ น้ำมันดีเซล ทั่วไป

หากพูดถึงข้อแตกต่าง ข้อเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดคือ อัตราในการเร่งความเร็ว และความแรงของเครื่องยนต์ แม้จะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเดียวกัน แต่น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยมกลับมีความพิเศษที่เหนือกว่า  

แม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย นั่นเป็นเพราะสารต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติ ดังนั้นราคาที่แตกต่างจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ในการเลือกใช้น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม

 

น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยม 

มีสารต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 และกำมะถัน ที่มีค่าต่ำกว่า 10 ppm และมีค่าซีเทนสูงสุดในระดับที่เครื่องยนต์ต้องการ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความทนทาน วิ่งได้ไกล สารเหล่านี้ช่วยดึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เสริมพลังขับเคลื่อนให้แรงขึ้น แรงบิดมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวฉีดสะอาดขณะใช้งาน แถมยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้นานขึ้นอีกด้วย

น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม มีพร้อมให้บริการที่ปั๊มน้ำมันหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ปตท. (PTT) บางจาก (ฺBangchak) เชลล์ (SHELL) หรือ เอสโซ่ (ESSO) ใกล้บ้านคุณ

 

 

น้ำมัน B7

ชื่อเดิมคือ น้ำมันดีเซล ที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำ ซึ่งต่อมาเมื่อมีการผลิตน้ำมันดีเซลหลาย ๆ เกรดเพิ่มขึ้นมา จึงมีการเปลี่ยนชื่อให้มีความแตกต่างกันไปเพื่อไม่ให้เกิดสับสนในการใช้งาน เป็น “ดีเซล B7” หรือ “น้ำมัน B7” นั่นเอง ความแตกต่างของน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ สัดส่วนของไบโอดีเซล ซึ่งจะอยู่ที่ 6.6-7.0% ถือว่ามีปริมาณของน้ำมันดีเซลมากกว่าน้ำมัน B10 โดยน้ำมันชนิดนี้จะเหมาะสำหรับรถรุ่นเก่า และรถยุโรป

 

น้ำมัน B10

ถูกเปลี่ยนชื่อกลายเป็น “ดีเซล” ซึ่งมีความแตกต่างจาก น้ำมัน B7 ตรงที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลที่มากกว่า หรืออยู่ที่ 9-10% ถือเป็นเกรดน้ำมันที่ได้มาตรฐาน เหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบัน ที่ไม่เก่าจนเกินไป มีราคาน้ำมันดีเซลที่ถูกกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรศึกษาให้แน่ใจว่า รถยนต์ที่ใช้นั้นสามารถเติมน้ำมัน B10ได้หรือไม่ เพราะในรถยนต์บางรุ่นที่เป็นรุ่นเก่า น้ำมัน B7อาจจะเหมาะสมกว่า

 

น้ำมัน B20

น้ำมันดีเซล B20 มีความแตกต่างจาก น้ำมัน B7 และน้ำมัน B10 ตรงที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลที่มากกว่า หรืออยู่ที่ 20% ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่มากกว่าการใช้งานทั่วไป เช่น รถบรรทุก ขสมก. ISUZU, SCANIA เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม จะมีความคุ้มค่ามากกว่า และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีกว่า แม้จะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ส่งผลดีต่อเครื่องยนต์ในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลวันนี้อาจจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย แต่หากลองเทียบดูดี ๆ แล้ว ราคาระหว่างน้ำมันดีเซล และน้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม ราคาจะแตกต่างกันอยู่ที่ประมาณ 3 บาท / ลิตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่ว่าต้องการเลือกใช้น้ำมันชนิดใด เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานของตนเองมากที่สุด


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google
31 มี.ค. 2564

ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google

สาระน่ารู้
หากปล่อยน้ำมันเครื่องแห้ง จะเกิดข้อเสียอะไรบ้าง?
31 ม.ค. 2565

หากปล่อยน้ำมันเครื่องแห้ง จะเกิดข้อเสียอะไรบ้าง?

สาระน่ารู้
ลืมพกเงินสด! รวมสารพัดวิธีจ่ายเงินค่าน้ำมันในปั๊มน้ำมัน
01 พ.ย. 2564

ลืมพกเงินสด! รวมสารพัดวิธีจ่ายเงินค่าน้ำมันในปั๊มน้ำมัน

สาระน่ารู้